[phpBB Debug] PHP Notice: in file [ROOT]/includes/session.php on line 2213: Array to string conversion
[phpBB Debug] PHP Notice: in file [ROOT]/includes/session.php on line 2213: Array to string conversion
[phpBB Debug] PHP Notice: in file [ROOT]/includes/session.php on line 2213: Array to string conversion
[phpBB Debug] PHP Notice: in file [ROOT]/includes/session.php on line 2213: Array to string conversion
[phpBB Debug] PHP Warning: in file [ROOT]/includes/functions.php on line 4733: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at [ROOT]/includes/functions.php:3823)
[phpBB Debug] PHP Warning: in file [ROOT]/includes/functions.php on line 4735: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at [ROOT]/includes/functions.php:3823)
[phpBB Debug] PHP Warning: in file [ROOT]/includes/functions.php on line 4736: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at [ROOT]/includes/functions.php:3823)
[phpBB Debug] PHP Warning: in file [ROOT]/includes/functions.php on line 4737: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at [ROOT]/includes/functions.php:3823)
JRISS! จริ๊ดจัดๆ • View topic - [แปล] Jedi Quest #1 The Way of the Apprentice : Chapter 3

[แปล] Jedi Quest #1 The Way of the Apprentice : Chapter 3

มันจะแปลกเกินไปไหมถ้าบอร์ดนี้จะไม่มีห้องที่พูดเรื่อง Star Wars ... เหอ เหอ

[แปล] Jedi Quest #1 The Way of the Apprentice : Chapter 3

Postby D.M. » Mon 21 Oct 2002 10:48

เช้าวันรุ่งขึ้นโอบีวันก็เดินไปที่ห้องของอนาคิน เขารู้ว่าอนาคินจะเตรียมตัวเสร็จทันเวลาที่เขาบอกไว้พอดี อนาคินอาจจะทำผิดกฏบ้างเป็นบางครั้ง แต่เขาก็รู้ว่าเมื่อใดเป็นเวลาที่ควรอยู่ในร่องในรอยเหมือนกัน

อนาคินยืนรออยู่เขานอกห้องในเครื่องแต่งกายที่สะอาดขึ้น ใบหน้าฉายแววแห่งความกระตือรือร้นจนมองเห็นได้แม้ในแสงสลัว ในเวลาเช่นนี้จะไม่มีใครเปิดไฟเรืองแสงให้สว่างเต็มที่เพื่อรักษาความเงียบสงบในในวิหารเพื่อเจไดส่วนใหญ่ที่ถ้าไม่หลับอยู่ก็กำลังทำสมาธิอยู่

อนาคินหมุนตัวขึ้นมาเดินเคียงข้างเขา โอบีวันรู้ว่าพาดาวันของเขายืนรอการตักเตือนในเรื่องเมื่อคืนอยู่ แต่โอบีวันก็เดินออกจากจุดนั้นออกมาแล้ว ภาพของอนาคินกับทรูที่เขาเห็นเมื่อคืนกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเขา ภาพที่พาดาวันน้อยทั้งสองมองหน้ากันอย่างมีเลศนัยแทนที่จะทำให้โอบีวันโกรธ เขากลับชอบใจกับสิ่งที่เห็น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีทางให้อนาคินรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรก็ตาม ไม่แน่ บางทีอนาคินอาจจะมีเพื่อนแล้วก็ได้

นอกจากเรื่องนั้นแล้วโอบีวันยังพอใจที่อนาคินมีความเป็นตัวของตัวเอง มันจะช่วยศิษย์ของเขาได้มากเมื่อเขากลายเป็นอัศวินเจไดในอนาคต แต่สิ่งหนึ่งที่พาดาวันของเขายังต้องฝึกก็คือการทำงานร่วมกับผู้อื่นและการเสียสละอุทิศตนเพื่อความดีที่เหล่าเจไดยกย่อง อนาคินยังไม่รู้จักอดกลั้นความปรารถนาของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น จะสอนให้คนมีความซื่อสัตย์และอุทิศตนเพื่อคนอื่นได้อย่างไรกัน? โอบีวันสงสัย สิ่งเหล่านั้นสามารถสอนกันได้ด้วยหรือ

ภารกิจต่าง ๆ จะสอนในสิ่งที่ข้าสอนไม่ได้

คำของไคว-กอนอีกแล้ว โอบีวันเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าคำสอนของไคว-กอนไม่ได้เตรียมให้เขาพร้อมที่จะเป็นอัศวินเจไดแต่อย่างเดียว หากแต่ยังเตรียมให้เขาเป็นอาจารย์เจไดอีกด้วย โอบีวันมักจะยอมให้ไควกอนเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดเสมอ แม้แต่ในเวลาที่เขากำลังพยายามอย่างหนักที่จะเป็นอาจารย์ที่ดี คำแนะนำของไควกอนมักจะผุดขึ้นในใจทำให้เขามีสมาธิและสงบลง ไม่ต่างอะไรกับครั้งที่ไควกอนตักเตือนเขาด้วยตัวเอง

ในช่วงเวลาหลายปีนับจากการตายของไควกอน โอบีวันได้เรียนรู้ว่าความเศร้าโศกใช่ว่าจะทิ้งร่องรอยไว้เป็นความเสียใจแต่อย่างเดียว แต่มันสามารถทำให้เกิดความสงบในใจได้อย่างประหลาด สิ่งนี้เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่บทหนึ่งในชีวิตของเขา

“ท่านกำลังคิดถึงไคว-กอนอยู่” อนาคินพูดขึ้นเบา ๆ

โอบีวันตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปถามพาดาวันของเขา “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

“สีหน้าของท่าน มันเปลี่ยนไป” อนาคินยักไหล่ “ปมในใจของท่านคลี่คลายออก บางอย่างผ่อนคลายลงไป ข้าสัมผัสได้”

“อย่าสัมผัสอะไรได้ให้มันมากนักเลย” โอบีวันกล่าวเตือน

“แล้วตอนนี้ท่านก็ไม่ได้คิดถึงเขาเลย” อนาคินพูดขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววซุกซน “ปมนั่นกลับมาแล้ว”

“เจ้าเป็นคนผูกมันเองนะ” โอบีวันตอบขณะที่เปิดประตูเข้าไปในห้องสภาเจได

สมาชิกของสภายังมากันไม่ครบ ในห้องมีเพียงแต่โยดาและมาซ วินดูที่พูดคุยกันเบา ๆ อยู่ริมหน้าต่างเท่านั้น แสงระยิบระยับของดาวคอรัสซังค์ยังคงพร่างพรายอยู่ภายนอก ดวงอาทิตย์ยังไม่เยื้องกรายออกมาจากขอบฟ้า ยานแท็กซี่ส่วนหนึ่งแล่นอยู่บนถนนลอยฟ้า ถนนเส้นที่จะเต็มไปด้วยยานต่าง ๆ มากมาย ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงหลังจากนี้

โอบีวันรู้สึกประหลาดใจที่เห็นอัศวันเจไดอีกสองคนพร้อมด้วยพาดาวันของพวกเขาอยู่ในห้องด้วย เห็นได้ชัดว่าภารกิจครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว

เขาโค้งแสดงความเคารพไรกอลและโซเอรา อันทานา พาดาวันของไรกอลคือทรู เวลด์ คนที่อยู่กับอนาคินเมื่อคืนก่อน โอบีวันรู้จักไรกอลเพียงผิวเผิน แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงของไรกอลมาพอสมควร ไรกอลเป็นเจไดผู้เงียบขรึมที่ไม่ค่อยกล่าวคำมากความแต่ก็เป็นที่เคารพของผู้อื่นอย่างมากอันเนื่องมาจากการที่เขารอบรู้เรื่องต่าง ๆ ในกาแล็กซีอย่างทะลุปรุโปร่ง ส่วนโซเอรา อันทานานั้นเป็นดั่งตำนาน ทักษะการประดาบของเธอทำให้เธอโดดเด่นกว่าใครมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย เธอเพิ่งได้เป็นอัศวินเจไดมาไม่นาน ไม่ห่างจากตอนที่โอบีวันได้เลื่อนชั้นมากนัก พาดาวันของโซเอราเป็นเด็กผู้หญิงอายุพอ ๆ กับอนาคินชื่อดาร์รา เธล-ทานิส เด็กหญิงที่มีร่างผอมบางกับดวงตาคู่ที่มีชีวิตชีวานั้นยืนอยู่ถัดจากร่างแกร่งแข็งแรงของโซเอรา

สมาชิกสภาเจไดค่อย ๆ ทยอยกันเข้ามาในห้องและเข้านั่งประจำที่ โยดาและมาซ วินดูเดินจากริมหน้าต่างมานั่งมองหน้ากันแต่ยังไม่ได้เริ่มการประชุม พวกเขารออะไรกันอยู่หรือ?

ประตูเลื่อนเปิดออกอีกครั้งและสิรีก็เดินก้าวยาว ๆ เข้ามา โอบีวันแอบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ เขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว ตอนที่เขาแรกรู้จักสิรีเมื่อครั้งยังเป็นพาดาวันเยาว์อยู่นั้นเธอเป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับกฏข้อบังคับต่าง ๆ มาก แต่เขาก็สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวสิรีตั้งแต่เธอต้องปลอมตัวไปดักจับโจรสลัดขโมยทาสที่ชื่อเครย์น เธอมักจะดูกระสับกระส่ายและไม่ค่อยอยากจะตั้งอกตั้งใจฟังสภาสักเท่าใด โอบีวันไม่รู้สึกว่าการที่เธอเปลี่ยนไปจะเป็นเรื่องเสียหายอะไรมากมาย ก่อนหน้านี้สิรีดูเหมือนจะเป็นคนหัวแข็งอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกลับดูเหมือนจอมกบฏยิ่งกว่าเก่าเสียอีก สิรีตัดผมสีทองของเธอเสียสั้นไม่เหมือนกับอาจารย์เจไดอื่น ๆ และแทนที่จะสวมเสื้อทูนิคกับเสื้อคลุม สิรีกลับสวมชุดหนังเข้ารูป เธอพยักหน้าให้เขาก่อนที่จะไปยืนข้าง ๆ พาดาวันของเธอ เฟอรัส โอลิน

มาซ วินดูกวาดสายตามองทุกคน “ขอบคุณทุกท่านที่มาตรงเวลา” เขากล่าวพร้อมกับมองไปทางสิรีที่เชิดคางขึ้นและยิ้มมุมปากเป็นเชิงขออภัย “เรามีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องให้ทีมเจไดสี่ทีมไปทำ พวกท่านจะต้องไปที่เรดนอร์ ดาวเคราะห์ที่กำลังประสบภัยพิบัติจากสารพิษอย่างหนัก เรดนอร์เป็นดาวเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาระบบอาวุธที่ทันสมัย หมอกสารพิษรั่วออกมาจากห้องแลบทำอาวุธแห่งหนึ่งแล้วก็แพร่ออกไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ประชาชนล้มตายไปมากและยังมีที่ล้มป่วยเป็นจำนวนมหาศาล ขณะนี้ได้มีการทำเขตป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับส่วนอื่น ๆ แล้ว”

“สองนครหลักอยู่บนเรดนอร์” โยดากล่าว “นครคู่แฝด เขาเรียกกัน แทคโทและอูเบนโด เป็นนครเล็ก ๆ แต่ละนครมีรัฐบาลปกครองตนเอง ลมมรสุมมีอยู่บนเรดนอร์ ลมแรงส่งหมอกพิษตรงไปอูเบนโด กักไว้ที่นั่นเหล่าพิษร้าย แต่พิษแพร่ออกมาได้อย่างใดในตอนแรก ไม่มีผู้ใดล่วงรู้”

“เนื่องจากพิษนี้เป็นอาวุธตัวใหม่ เรายังไม่รู้เรื่องของมันมากนัก เรารู้เพียงแค่ว่าพิษจะสามารถซึมเข้าร่างกายได้ทางปอดหรือผิวหนัง” มาซ วินดูกล่าวเสริม “ตัวอาวุธเองไม่ใช่ก๊าซ แต่เป็นสารประกอบชีวภาพที่อยู่ในอากาศ มันอาจจะแพร่ระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ก็ได้ เรื่องนั้นเรายังไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเมืองเทคโทซึ่งเป็นเมืองที่สองจะปลอดภัยจากพิษเสียทีเดียว”

“ทิศทางของลมมรสุมจะเปลี่ยน” โยดากล่าว “พิษจะไปถึงเมืองที่สอง ลมจะพาไป”

“ในช่วงแรกเมืองเรดนอร์จัดการกับมหันตภัยนี้ได้อย่างดี” มาซกล่าวต่อไป “มีการระดมเจ้าหน้าที่มาจัดการกับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เมืองอูเบนโดและปริมณฑลที่ติดเชื้อถูกปิดเป็นเขตป้องกันและกักกันโรคติดต่อ ตอนนี้เทคโทถูกเรียกว่าเขตปลอดภัยและจนถึงบัดนี้ยังไม่มีรายการว่าพบผู้ติดเชื้อในเขตนี้ แต่จากการที่ชาวเมืองเทคโทได้เห็นว่าชาวเมืองอูเบนโดที่ติดเชื้อต้องทรมานอย่างแสนสาหัสเพียงใดและอัตราการตายสูงที่จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีใครที่ติดเชื้อแล้วจะรอดได้ทำให้ชาวเมืองเทคโทตื่นตกใจกันไปหมด คณะรัฐบาลของเทคโทหนีออกจากดาวไปแล้ว ทุกคนที่พอจะมีทางไปได้ก็หนีตามรัฐบาลไป จนตอนนี้ถึงจะมีเงินก็ไม่มียานขนส่งเหลืออยู่บนดาวอีกแล้ว ความวุ่นวายสับสนประหวั่นพรั่นพรึงปกคลุมอยู่ทั่วไปหมด ดังนั้นสภาสูงจึงต้องเข้ามาช่วยแบ่งเบาสถานการณ์ ยานสำหรับอพยพประชากรเทคโทที่เหลืออยู่ทั้งหมดกำลังเดินทางไปที่เรดนอร์และจะไปถึงในสามวัน”

“เจ้าดูประหลาดใจ โอบีวัน” โยดาตั้งข้อสังเกตุ

“เพียงเพราะว่าสภาสูงปฏิบัติการอย่างรวดเร็วนัก” โอบีวันตอบ หลายครั้งที่สภาสูงใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะอภิปรายเรื่องง่าย ๆ บางเรื่องเพราะติดอยู่กับระบบการทำงานแบบราชการ

“วิกฤตนัก สถานการณ์นี้” โยดาพยักหน้า “เบล ออร์กาน่าเป็นผู้ผลักดันให้สภาสูงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว”

“จะมีที่พอให้คนป่วยอพยพมากับคนที่ไม่โดนสารพิษด้วย” มาซ วินดูกล่าวต่อ “แต่บนพื้นผิวดาวขณะนี้ประชากรที่ยังแข็งแรงดีกำลังตื่นตระหนกหวาดกลัวว่าที่จะไม่มีที่เพียงพอสำหรับพวกเขา เจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ทุจริตต่างพากันรับสินบนทำให้คนเริ่มกลัวว่าคนที่ป่วยจะไม่ได้ออกมาจากดาวนั้นอีกด้วย”

“ความวุ่นวายเกิดขึ้น ไม่สามารถสงบลงได้โดยง่าย” โยดากล่าว

“พวกท่านต้องไปช่วยอำนวยความสะดวกให้การอพยพเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย” มาซสรุป “ยังมีคนที่รอดชีวิตอยู่ในเขตอูเบนโดและท่านต้องทำให้พวกเขามั่นใจว่าจะมีที่สำหรับทุกคนบนยานขนส่ง มีการปล้นสะดมและสถานการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นในเทคโท ดังนั้นเจไดต้องไปรักษาความสงบที่นั่นเช่นกัน นี่เป็นสถานการณ์อันแปรปรวนเปราะบางและเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของผู้คน ดังนั้นเราจึงตัดสินใจว่าจะส่งทีมเจไดไปทั้งหมดสี่ทีม”

“จัดส่งเวชภัณท์ให้ผู้ป่วยบนดาว ท่านต้องทำ” โยดาเสริม “และออกเดินทางเช้านี้ ท่านต้องไป”

“ยานขนส่งของสภาสูงรอพวกท่านอยู่แล้ว” มาซ วินดูสรุปในที่สุด “ขอพลังจงอยู่กับท่าน”

--------------------------------------------------------------------------
after all, it is often the cruelest and most conniving people who are most easily hurt.
User avatar
D.M.
ขั้น(จะ)คบไม่ได้แล้วนะ
 
Posts: 1002
Likes: 0 post
Liked in: 0 post
Joined: Sat 19 Oct 2002 13:42
Location: Beyond the Distant Star

Return to Galaxy Far, Far Away : Star Wars

Who is online

Users browsing this forum: No registered users and 2 guests

cron