[phpBB Debug] PHP Notice: in file [ROOT]/includes/session.php on line 2213: Array to string conversion
[phpBB Debug] PHP Notice: in file [ROOT]/includes/session.php on line 2213: Array to string conversion
[phpBB Debug] PHP Notice: in file [ROOT]/includes/session.php on line 2213: Array to string conversion
[phpBB Debug] PHP Notice: in file [ROOT]/includes/session.php on line 2213: Array to string conversion
[phpBB Debug] PHP Warning: in file [ROOT]/includes/functions.php on line 4733: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at [ROOT]/includes/functions.php:3823)
[phpBB Debug] PHP Warning: in file [ROOT]/includes/functions.php on line 4735: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at [ROOT]/includes/functions.php:3823)
[phpBB Debug] PHP Warning: in file [ROOT]/includes/functions.php on line 4736: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at [ROOT]/includes/functions.php:3823)
[phpBB Debug] PHP Warning: in file [ROOT]/includes/functions.php on line 4737: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at [ROOT]/includes/functions.php:3823)
JRISS! จริ๊ดจัดๆ • View topic - Episode 7 : Shadow Empire - บทที่ 6

Episode 7 : Shadow Empire - บทที่ 6

มันจะแปลกเกินไปไหมถ้าบอร์ดนี้จะไม่มีห้องที่พูดเรื่อง Star Wars ... เหอ เหอ

Episode 7 : Shadow Empire - บทที่ 6

Postby MuanN » Fri 30 May 2003 21:29

[align=center]บทที่หก[/align]

   ยานไอออนสามของเคิร์ธหลุดออกจากไฮเปอร์สเปซพร้อมกับเครื่องนำร่อง ดาวนาร์ ชาดด้า ตระหง่านอยู่เบื้องหน้าราวกับโต๊ะกลมสีฟ้าลอยอยู่กลางอวกาศ ดูสวยงามจนไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะเป็นแหล่งรวมอบายมุขแหล่งใหญ่อีกแหล่งหนึ่งของจักรวาล

   เคิร์ธเองก็อยากดูนาร์ ชาดด้า จากมุมมองนี้ให้เต็มอิ่มก่อนที่จะลงไปพบกับสภาพจริงของดาวเหมือนกัน แต่เวลาไม่คอยท่ามากนัก เขาเอื้อมมือไปแตะปุ่มปลดสลัก มีเดียงดังลั่นเปรี๊ยะ แล้วเขาก็รู้สึกได้ว่ายานไอออนสามของเขาเป็นอิสระจากเครื่องนำร่องแล้ว เคิร์ธลดมือลงมาปรับระบบควบคุมเป็นแบบควบคุมด้วยมือ บังคับยานพ้นจากเครื่องนำร่องแล้วตรงเข้าไปสู่ชั้นบรรยากาศของนาร์ ชาดด้า   

   ม่านกันความร้อนทำงานเองโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันมิให้ยานลำนี้พร้อมกับตัวผู้ขับต้องไหม้เป็นเศษธุลีเสียก่อนที่จะลงถึงพื้น เมื่อผ่านระยะอันตรายของบรรยากาศมาได้ เคิร์ธก็ตั้งระบบแผนที่เพื่อนำเขาไปสู่ทวีปใหญ่ของนาร์ ชาดด้าในทันที

   ยานลดระดับลงมาอีกจนเกือบถึงย่านอยู่อาศัย นาร์ ชาดด้า เป็นดาวที่ไม่ต่างอะไรกับคอราซานส์ในสมัยรุ่งเรือง ทั้งดาวเต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้าและยานบินว่อนไม่ขาดสาย ทั้งหมดรวมกันเป็นเมืองใหญ่เมืองเดียว ต่างกับคอราซานส์ในสมัยนั้นก็เพียงว่าที่นี่ไม่ใช่ศูนย์กลางการปกครองและเมืองหลวงของจักรวาลอีกต่อไป เมืองหลวงของจักรวาลนั้นในปัจจุบันนี้คือเมรานุส และศูนย์กลางการปกครองก็อยู่ที่สถานีอวกาศขนาดยักษ์รูปดวงดาวที่โคจรอยู่รอบ ๆ เมรานุส เหมือนดาวมรณะในอดีต

   เคิร์ธเคยมาที่นี้เพื่อหาสืบหาข้อมูลหลายครั้งแล้ว จะว่าไป นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง

   เขาบังคับยานพุ่งตรงไปยังย่านสถานเริงรมย์ย่านประจำของเขา (บางทีเขาก็มาที่นี่โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเหมือนกัน แต่อย่าเอ็ดไปเชียว เสียเครดิตแย่) ซึ่งใคร ๆ ก็เรียกกันว่าอาลฟาน แต่ถึงยังไงเคิร์ธก็ต้องบังคับยานไปเก็บที่ท่าจอดยานเสียก่อน

   มองเห็นท่าจอดยานแล้ว เคิร์ธลดระดับยานลงอีก เขาพับปีกไอออนทั้งสองข้างขึ้นไปติดกับเครื่องไอออนอีกตัวหนึ่งที่ส่วนบนของยาน (เมื่อดูอย่างนี้แล้ว ยานไอออนสามก็ละม้ายคล้ายกระสวยอวกาศไทดาเรียม พาหนะชั้นสูงของจักรวรรดิไม่น้อยเหมือนกัน) เคิร์ธลดระดับต่ำลงจนแตะพื้น แล้วจึงถอนหายใจหนึ่งเฮือก

   หลังจากที่ปิดตัวควบคุมต่าง ๆ เรียบร้อยและตรวจดูความเรียบร้อยให้แน่ใจแล้ว เคิร์ธก็เปิดฝาครอบยานออกแล้วยันตัวขึ้นมา (ลำบากหน่อย) แล้วทิ้งตัวลงมาบนพื้นยาน เขาไม่ปลดหุ่น R2F4 ลงมาเพื่อไม่ให้เกะกะและเป็นภาระในการปฏิบัติภารกิจซึ่งอาจต้องมีการต่อสู้ได้ทุกเมื่อเช่นนี้ เขาตรวจดูของที่พกมา เงินเหรียญสกุลเดกซาเรียนจำนวนหนึ่ง(สำหรับร้านค้าที่ไม่รับดาต้าเครดิต) บัตรประจำตัว อาวุธ นั่น นี่ โน่น โอเค ครบ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

   เคิร์ธบอก R2F4 ให้ปิดฝาครอบยาน (ปิ๊โปะ ^0^) แล้วเดินออกจากท่าจอดยานแห่งนั้นมา เขาโยนเหรียญเงินให้คนดูแลไปเหรียญหนึ่ง ที่จริงเขาแสดงบัตรเจไดมาสเตอร์เพื่อขอรับสิทธิ์ก็ได้ แต่เขาไม่ค่อยชอบทำตัวสูงส่งแบบนั้นนัก

   เขากดเรียกลิฟท์โทรม ๆ ของท่าจอดยานเก่า ๆ นั้นขึ้นมา แล้วเข้าลิฟท์ลงไปชั้นล่าง เมื่อลิฟท์เปิดออกมันก็มาพร้อมกับเสียงจ้อกแจ้กของผู้คนที่เดินกันอลหม่านอยู่ที่ดาวน์สตรีทของอาลฟาน ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานทั้งนั้น แต่ก็มีพวกเด็ก ๆ ที่ยังต้องแบมือ(ถ้ามี)ขอเงินพ่อแม่มากินอยู่เดินกันไม่น้อย เอาเข้าไปสินะ

   เคิร์ธเดินเบียดกับฝูงคนพ้นอาคารที่มีป้ายเขียนว่า “ท่าจอดยานแคสเปอร์” ไปได้ประมาณสามช่วงตึกก็มาถึงบาร์เหล้าชื่อบิกซ์บาริน ร้านประจำของเขา แต่ที่สำคัญไม่ใช่เรื่องนั้น (แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ นะเคิร์ธ) หากแต่เป็นเพราะว่าพ่อค้าข่าวเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยฝึกเรียนการบินของเขามาดื่มที่นี่เป็นประจำต่างหาก

   เคิร์ธมองตรงไปยังโต๊ะประจำของเพื่อนเก่าคนนั้นแต่ก็ไม่เห็นวี่แวว ท่าทางจะไม่ค่อยสนุกเสียแล้วถ้าหาหมอนั่นไม่เจอ แต่ถึงอย่างไรหมอนั่นก็ใช้เวลาเกือบทั้งวันนั่งกินนั่งดื่มนั่งหลีหญิงอยู่ที่นี่อยู่แล้ว นั่งรอสักพักก็คงจะได้เจอเอง

   “เตกิลแก้วนึง” เคิร์ธสั่งดรอยด์เสิร์ฟ มันตอบรับทันทีด้วยการโค้งรับแล้วก็ตรงไปยังเคาน์เตอร์ แล้วส่งออร์เดอร์ให้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มชาวทวิเล็กหงอนยาวม้วนรอบคอที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ รอไม่นานนักดรอยด์เสิร์ฟตัวเดิมก็เอาเครื่องดื่มที่เขาสั่งไปมาส่งถึงที่ เคิร์ธวางเหรียญเงินเดกซาเรียนลงในถาดแล้วรับเครื่องดื่มนั้นมาดื่ม รสชาติยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย

   “คาธาร์น?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากเบื้องหลัง เคิร์ธหันกลับไปมอง และไม่ผิดไปจากที่คิด แวตตาซาห์น พ่อค้าข่าวชาวนิกโต้เพื่อนยากของเขานั่นเอง สีหน้าของแวตตาซาห์นนั้นท่าทางดีใจมากตามประสาคนที่ได้พบกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน “เป็นยังไงบ้าง เพื่อนยาก” แวตตาซาห์นพูด แล้วจึงนั่งลงตรงเก้าอี้ข้าง ๆ เคิร์ธ

   “อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ?” เคิร์ธพูดพลางวางเตกิลลงแล้วยิ้ม “สบายดี แบบนั้นใช่มั้ย?”

   “อ้อมค้อมจริงนายนี่” แวตตาซาห์นพูดแล้วหัวเราะ หน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัวตามประสาชาวนิกโต้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่ออารมณ์ดีเป็นนิจของเขาแม้แต่น้อย “ลงมาหากันถึงนี่คงไม่พ้นเรื่องภารกิจอะไรสักอย่างสิท่า?”

   “เดาเก่งเหมือนเคยนะ” เคิร์ธตอบ “ถูกแล้วล่ะ ฉันได้ภารกิจมาตามหาเด็ก”

   “ตามหาเด็ก? เด็กที่ไหนรึที่ทำให้เจไดมาสเตอร์อย่างนายต้องลงมาทำงานแบบนี้ด้วยตัวเอง?”

   “เด็กพาดาวันใจแตกน่ะ” เคิร์ธซดเตกิลเข้าไปอีกจิบ “หนีมาได้เก้า ... ไม่สิ สิบวันเมรานุสแล้ว สภากลัวว่าเด็กคนนี้จะหลงผิด เลยให้ไปตามกลับมา สงสัยสภาจะเสียดายละมั้ง พาดาวันเก่ง ๆ เดี๋ยวนี้หายาก ต้องออกไปกลางคันก็เยอะ”   

   “แบบฉันล่ะสิ” แวตตาซาห์นหัวเราะหึ “ถ้าตอนนั้นฉันไม่ออกมาเสียก่อนคงจะได้ออกทำภารกิจนี้กับนายละมั้ง”

   “ไม่หรอก เขาให้ฉันกับพาดาวันออกทำงานนี้”

   “พาดาวันของนาย เจ้าหนูลอสการ์ดน่ะรึ? อยู่ไหนล่ะ อยากคุยกับมันจริง ๆ”

   “เสียใจด้วยไอ้เสือ ตอนนี้ลิวมัสอยู่ที่คอราซานส์”

   “คอราซานส์รึ? ไปทำอะไรที่นั่น?”

   “ทำภารกิจนี้แหละ สภาได้ข่าวสารมาสองที่ ก็เลยแบ่งไปสองทาง อย่ามัวเสียเวลาเลยเพื่อนยาก ฉันขอถามนายเลยก็แล้วกันว่าพักนี้มีเด็กพาดาวันเดินเข้าออกนาร์ ชาดด้า บ้างไหม?”

   “คำถามหนักนะ” แวตตาซาห์นขมวดคิ้ว(โล่ง ๆ) แล้วหยิบซอฟท์ส่วนตัวของเขาออกมา เขาง่วนอยู่กับเครื่องนั้นพักหนึ่ง ทำหน้านิ่วบ้าง ยิ้มบ้าง แล้วสุดท้ายเขาก็บอกกับเคิร์ธว่า “ต้องรอพรุ่งนี้ถึงจะได้ข่าว เป็นอะไรมากไหมเนี่ย?”

   “ตามสบาย แต่ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี” เคิร์ธประสานมือไว้ใต้คาง

   แวตตาซาห์นลุกขึ้นยืนแล้วฉุดแขนเคิร์ธขึ้นไปด้วย “เรื่องข่าวฉันฝากให้เด็ก ๆ จัดการแล้ว ตอนนี้เรามาสนุกกันตามประสาผู้ใหญ่ก่อนดีกว่า”

   เคิร์ธยิ้ม แล้วตอบรับว่า “ก็เอาสิ”

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

   อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ที่น่ารำคาญก็คือแสงอาทิตย์นั้นมันลอดม่านของห้องพักเข้ามาสัมผัสดวงตาของเคิร์ธทำเอาเขาแสบตาจนทนนอนต่อไปไม่ได้ เขาเหลือบดูนาฬิกาบนผนังทำให้รู้ว่านี่ก็สายแล้ว สมควรที่จะตื่นไปพบแวตตาซาห์นที่บิกซ์บารินเพื่อเอาข่าวได้แล้ว จึงใช้แขนยันตัวขึ้น

   หลังจากจัดการธุระส่วนตัวและเช็คเอาท์ออกจากที่พักเรียบร้อยแล้ว เคิร์ธก็เดินฝ่าฝูงคนด้วยสภาพที่ยังสะลึมสะลือค้างอยู่ (เมื่อคืนหนักไปหน่อยล่ะสิท่า) ไปยังบิกซ์บาริน ร้านเพิ่งเปิด คนยังน้อย แต่แวตตาซาห์นก็มานั่งรออยู่แล้ว

   “ช้าจังเลยนะ นัดกันไว้ตอนร้านเปิดไม่ใช่รึไง” แวตตาซาห์นเป็นคนทักก่อน

   “เมื่อคืนหนักไปหน่อยมั้ง ฉันไม่ได้เจอแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย” เคิร์ธพูดยิ้ม ๆ พลางนั่งลงข้าง ๆ แวตตาซาห์น “ตกลงว่าไง”

   “ก็ไม่ว่าไง” แวตตาซาห์นจิบเตกิลแล้วจึงพูดต่อ “มีคนแต่งตัวแบบพาดาวันเข้าเมืองมาเมื่อสามวันก่อน พักที่คาร์เนีย แล้วเพิ่งเช็คเอาท์ออกไปเมื่อวานซืนนี้เอง”

   “ดีมากเลย แล้วมีอะไรอีกไหม?”

   “จะว่ามีก็มีมั้ง ไม่รู้สิ พาดาวันคนที่นายตามหานี่หายไปคนเดียวรึ?”

   “ใช่ ทำไมเหรอ”

   “เจ้าหนูนี่มันไม่ได้เดินทางมาคนเดียวน่ะสิ” แวตตาซาห์นบอก “มันมาพร้อมกับคนใส่ฮูดดำคนนึง พวกที่คาร์เนียบอกฉันมาว่าเจ้าฮูดดำคนนี้เป็นโนกรีไม่ผิดเพี้ยน ฉันถึงได้สงสัยไงว่าทำไมเจ้าหนูนี่ต้องไปไหนมาไหนกับพวกโนกรีหน้าตาน่าเกลียดด้วย”

   “เรื่องหน้าตาน่าเกลียดนายก็ไม่แพ้พวกโนกรีหรอก” เคิร์ธถากถางเล็ก ๆ “มีอะไรอีกมั้ย?”

   “มี” แวตตาซาห์นตอบ ส่งสายตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่มาให้เคิร์ธ “พวกที่คาร์เนียอีกนั่นแหละที่บอกว่าเห็นสองคนนั้นเรียกแอร์แท็กซี่ไป”

   “มีวิธีสืบมั้ยว่าสองคนนั้นไปลงที่ไหน?”   

   “ปกติแล้วก็ไม่มีหรอก ซอฟท์ในยานห่วย ๆ แบบนั้นไม่เคยจำว่ามันไปไหนมาไหนแล้วบ้างหรอก แต่มีอีกเรื่องนึง ที่ฉันคิดว่าอาจจะเกี่ยวกันก็ได้มั้ง”

   “อะไรรึ?”

   “มีคนพบซากแอร์แท็กซี่ถูกทำลาย” แวตตาซาห์นหันหน้าจอให้เคิร์ธดูแล้วชี้ไปที่จุดจุดหนึ่ง “ตรงนี้”

   “ถูกทำลาย?”

   “ใช่ ด้วยอาวุธที่น่าจะเป็นดาบแสง”

   “นายกำลังจะบอกฉันว่าพาดาวันคนนั้นเป็นคนทำงั้นเหรอ?”

   “ไม่ได้บอกอย่างนั้นสักหน่อย แต่นั่นก็เป็นร่องรอยเดียวนะ ก็ใช่ที่ว่าที่นี่มีดาบแสงเป็นร้อยเป็นพันเล่ม แต่จะมีสักกี่คนที่นึกจะทำลายแอร์แท็กซี่? มันต้องไม่ปกติแน่ ๆ แล้วเด็กใจแตกที่หนีออกจากบ้านมาที่ดาวคนละดวงแบบที่นายตามหาก็ปกติซะที่ไหนกัน เพราะงั้นฉันว่านายลองไปดูที่ตรงนี้สักหน่อยก็ดี”

   ขาดคำก็มีเสียงแหวกอากาศของกระสุนแสงพุ่งตรงมา ทั้งเคิร์ธและแวตตาซาห์นรู้สึกตัวได้ก่อนจึงก้มศีรษะหลบได้ทันท่วงที ทั้งสองหันไปยังทิศทางที่ลำแสงนั้นพุ่งออกมา เห็นโรเดี้ยนคนหนึ่งถือปืนอยู่ ท่าทางตกใจที่เป้าหมายรู้ทันวิถีกระสุนแบบนี้

   “นี่มันอะไรกัน?” เคิร์ธถามขึ้นพลางลุกขึ้นยืน

   “ฉันก็อยากรู้” แวตตาซาห์นหันไปรอบ ๆ เห็นปืนหลายกระบอกในมือของคนหลายคนกำลังชี้ตรงมาที่เขาทั้งสองคน “แต่ฉันว่าพวกนี้คงไม่ได้บังเอิญทำปืนลั่นหรอกละมั้ง”

   “มันก็นั่นสินะ” เคิร์ธตอบ

   โดยไม่มีการพูดพล่ามทำเพลง มือปืนที่เหล่านั้นก็เริ่มลั่นกระสุนนับสิบลำจากแทบทุกทิศทุกทางตรงมายังเคิร์ธและแวตตาซาห์น เสียงกระสุนแหวกอากาศดังขึ้นพร้อมกับเสียงแชะของดาบแสงทั้งสองด้ามของเคิร์ธและแวตตาซาห์น ทั้งสองคนแยกไปคนละทาง เคิร์ธวิ่งไปพร้อมกับแสงสีฟ้า ในขณะที่แวตตาซาห์นวิ่งไปพร้อมกับแสงสีม่วง

   ไม่มีเวลามากนักในการตั้งรับ ลำแสงที่ทั้งสองป้องปัดจึงกระเด็นไปอย่างไม่มีทิศทาง บางลูกก็โดนมือปืนบางคนร่วงลงมาจากระเบียงชั้นสอง เหมือนกับว่าจู่ ๆ คนทุกคนในบาร์นี้ก็หยิบปืนขึ้นมาแล้วพยายามจะฆ่าเขาทั้งสองคนอย่างนั้นแหละ

   แวตตาซาห์นผ่าแขนของมือปืนออกไปได้คนหนึ่งแล้วจึงหันกลับมากันกระสุนต่อไป ในขณะที่เคิร์ธวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ไล่ฟาดมือปืนที่คอยซุ่มยิงอยู่ชั้นบนไปทีละคนสองคน ลำแสงเฉียดศีรษะเขาไปนัดหนึ่ง เขาจึงหันหลังกลับมาและฟันมือปืนเจ้าของกระสุนนั้นขาดกลางลำตัวหล่นลงมาชั้นล่าง มองซ้ายมองขวาเห็นว่าบนชั้นสองไม่เหลือมือปืนที่อยู่ในสภาพที่จะยิงใครได้หลงเหลืออยู่แล้ว จึงกระโดดลงมาชั้นล่างเพื่อช่วยแวตตาซาห์นที่กำลังตกที่นั่งลำบาก

   ตอนนี้แวตตาซาห์นกำลังรับมือกับมือปืนถึงเจ็ดคนที่กำลังล้อมวงยิงเขา แม้ตอนนี้แวตตาซาห์นจะยังพอกันได้ก็ตาม แต่มือปืนเหล่านั้นก็กำลังตีวงแคบเข้ามาเรื่อย ๆ และนั่นก็ทำให้เขาลำบากเพราะไม่มีเวลาหยุดพักจากการป้องกันไปโจมตีได้เลย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกอึดใจเดียวเขาต้องแย่แน่ ๆ พอดีกับที่เคิร์ธลงจากชั้นสองมาและขัดขามือปืนรายหนึ่งแล้วตัดมือที่ถือปืนออกทำให้มือปืนหกคนที่เหลือเสียจังหวะ จึงเป็นทีของเคิร์ธและแวตตาซาห์นที่จะโจมตีบ้าง แวตตาซาห์นบั่นหัวได้ไปคนหนึ่งพร้อม ๆ กับที่เคิร์ธผ่าสะพายแล่ง พร้อมกับใช้พลังผลักไปกระแทกผนังสลบไปอีกสองราย แวตตาซาห์นผ่ากลางลำตัวไปหนึ่งคนพร้อม ๆ กับที่เคิร์ธตัดมือของมือปืนคนสุดท้ายขาดกระเด็นไป เขาดึงกระชากคอเสื้อมือปืนโรเดี้ยนที่เพิ่งถูกตัดมือไปหมาด ๆ คนนั้นมาพร้อมถามว่า “นี่เป็นฝีมือใคร?”

   โรเดี้ยนคนนั้นตอบเป็นภาษาถิ่นฟังได้ความว่า “จักรวรรดิ” อึดใจหลังจากนั้นลำแสงสีแดงก็พุ่งตรงเข้ากลางศีรษะทำเอาโรเดี้ยนคนนั้นขาดใจตายใจพริบตาก่อนที่จะทันพูดอะไร เคิร์ธหันกลับไปทันควันมองเห็นขาใส่เกราะสีขาวดูไม่ผิดอะไรกับสตอร์มทรูปเปอร์เดินพ้นประตูร้านไป “ฝากดูที มันอาจจะยังไม่ตาย” เขาพูดแล้ววิ่งออกไปหมายจะไล่ตามสตอร์มทรูปเปอร์(?)ที่เห็นเมื่อกี้ให้ทัน

   มันไปทางขวา! ใช่ มันไปทางขวา เคิร์ธมองเห็นหมวกเหล็กสีขาวโดดเด่นอยู่ท่ามกลางฝูงคน เขาวิ่งแหวกฝูงคนไปตามทางที่เห็น “ขอโทษครับ” “ขอทางหน่อยครับ” เคิร์ธแหวกฝูงคนไป เจ้าทรูปเปอร์คนนั้นยังคงวิ่งหนีไม่หยุด เคิร์ธตัดสินใจใช้พลังกระโดดสูงหมายลงตรงทรูปเปอร์คนนั้นพอดี เขาม้วนตัวกลางอากาศแล้วเปล่งดาบขึ้นใช้ ฟาดลงไปหมายให้แขนของมันขาดสักข้าง

   เจ้าทรูปเปอร์คนนั้นหันมาพร้อมกับเสียงแชะไม่ผิดอะไรกับเสียงเปล่งดาบแสง แต่ไม่ใช่แค่เสียง มันมาพร้อมกับแสงสีแดงเป็นลำกันดาบของเคิร์ธเอาไว้พอดี เขาเสียหลักล้มลงบนพื้น พลันรู้สึกเหมือนโดนถีบอย่างแรงด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นไปจนกระแทกป้ายร้านแห่งหนึ่งทำเอาเขาจุก

   พลัง?

   ไม่มีเวลาสงสัยอะไรมาก เคิร์ธพยายามยันตัวขึ้น สายตาจับจ้องไปที่ทรูปเปอร์คนนั้นที่เลี้ยวหายไปตรงมุมถนน ออกวิ่งตามไป แต่เมื่อพ้นมุมถนนนั้นไปได้แล้ว เคิร์ธก็มองไม่เห็นเจ้าทรูปเปอร์คนนั้นแม้แต่วี่แวว

   ฉิบหาย! เคิร์ธถึงกับสบถ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตามไป ตามหาคนคนเดียวท่ามกลางฝูงคนแบบนี้โดยไม่มีร่องรอยอะไรเลยเป็นการเสียเวลาเปล่า ๆ เท่านั้น เขาจึงกลับไปยังบิกซ์บารินที่ตอนนี้เต็มไปด้วยซากของประดับร้านและเก้าอี้กระจายเกลื่อนพร้อมกับผู้คนที่เสียขวัญ กับแวตตาซาห์นที่มีมือสังหารโรเดี้ยนนอนแทบเท้าอยู่ “มันตายแล้ว” เขาพูด “ตะกี้มันพูดอะไรกับนาย?”

   “มันบอกว่า” เคิร์ธกัดฟัน มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ “ถูกส่งมาจากจักรวรรดิ”

   “จักรวรรดิ?” แวตตาซาห์นพูดซ้ำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “จะเป็นไปได้ยังไง เจไดขึ้นตรงกับจักรวรรดิไม่ใช่เหรอ?”

   “ก็ใช่น่ะสิ มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้” เคิร์ธก้มหน้า กำมือแน่น พลางนึกถึงทรูปเปอร์คนเมื่อกี้ “ปกติพวกสตอร์มทรูปเปอร์เขาใช้ดาบแสงกันด้วยรึ?”

   “ไม่เคยได้ยินนี่” แวตตาซาห์นทำหน้างง “ทำไมรึ? หรือว่าเจ้าเมื่อกี้มันใช้ดาบด้วย?”

   “อืม” เคิร์ธพยักหน้า “แต่มันเป็นทรูปเปอร์ไม่ผิดแน่ ทรูปเปอร์ ... จักรวรรดิ เจ้าโรเดี้ยนคนนั้นก็บอกว่ามันได้รับคำสั่งจากจักรวรรดิ มันพอดีกันเกินไป เหมือนกับว่าตั้งแต่แรก...”

   ไม่หรอก เคิร์ธคิด มันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นไปได้ แต่คำพูดนั้นก็หลุดออกจากปากของเขามาจนได้ว่า “เหมือนกับว่าจักรวรรดิต้องการจะกำจัดฉัน?”

   “มัน...มันคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดนั่นแหละ” แวตตาซาห์นมองหาความเป็นไปได้ทางอื่น “อาจจะเป็นนายหรือฉันที่บังเอิญหน้าคล้ายกับคนที่จักรวรรดิต้องการตามล่าก็ได้”

   เคิร์ธเบาลมหายใจลงพลางรำพึงว่า “ขอให้เป็นเช่นนั้นทีเถิด”

[align=center]= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =[/align]
ผมไม่ได้นิยมสิ่งนั้น แต่ผมไม่ได้รังเกียจคนชอบสิ่งนั้น
เราอยู่ด้วยกันได้... จริงไหมครับ?
User avatar
MuanN
ขั้นเริ่ม
 
Posts: 18
Likes: 0 post
Liked in: 0 post
Joined: Sat 17 Jan 2004 13:30

Return to Galaxy Far, Far Away : Star Wars

Who is online

Users browsing this forum: No registered users and 13 guests

cron