-------------------------------------------------------------------------
ตามปกติแล้วพวกมานิคอนจะวิ่งสี่ขาแต่จะยืนขึ้นสองขาได้ในเวลาที่จะโจมตีศัตรู พวกมันมีตีนที่ใหญ่เหมือนตะลุมพุกเอาไว้ทุบคู่ต่อสู้ และถ้าหากมันจนมุมมันจะพ่นสารพิษเหม็น ๆ ที่มีฤทธิ์ทำให้ศัตรูตาบอดได้ชั่วคราวออกมาจากตาของมัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอนาคินและทรูจะต้องใช้ดาบเลเซอร์ อนาคินพบว่าดาบขึ้นมาอยู่ในมือก่อนที่เขาจะคิดเสร็จเสียอีก เขารู้ว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่จะเปิดเผยความจริงที่ว่ามีเจไดสองคนมาเที่ยวท่อม ๆ หาเศษอะไหล่อยู่ใต้ตัวเมือง แต่เขาก็ไม่อยากจะโดนรุมและโดนทำให้ตาบอดสักเท่าไรเหมือนกัน
ทรูกระโดดไปทางซ้าย และอนาคินก็เห็นยุทธวิธีที่ทรูจะใช้ทันที เขาจะต้องหลบทั้งตีนของพวกมันและพิษร้ายจากตาที่พวกมันสามารถพ่นออกมาได้ตรง ๆ เท่านั้น อนาคินโดดตามทรูไปขวางหน้ามานิคอนตัวแรก เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นนักสู้ในเชิงรุกมากกว่าทรู แต่เขาก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการทำให้พวกนั้นบาดเจ็บหรือตาย เขาแค่ต้องทำให้พวกมันกลัวพอที่จะถอยหนีไปเท่านั้น
ถ้าเราทำลายข้าวของสัมภาระของมัน มันจะถอยหนี เขาบอกทรูอย่างมั่นใจ พวกมันไม่อยากจะเสียของที่พวกมันมีอยู่แล้วไปหรอก
เขากระโดดไปข้างหน้าเข้าหาของที่มัดอยู่กับหลังของพวกมันในกระสอบใบใหญ่ ขณะที่ตีลังกาหลบตีนที่ลอยมาพลางเงื้อดาบฟันสายหนังที่ผูกของพวกนั้นออกจากหลังของพวกมัน กระบวนท่าทั้งหมดนั้นต้องใช้ทั้งกำลังละความแม่นยำที่พอเหมาะพอดี ถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวเขาอาจจะตัดแขนใครไปสักคนก็ได้ นี่เป็นเหตุผลที่เขาชอบการใช้ดาบเลเซอร์ มันเป็นเครื่องมือที่สุดยอด เขาเคยเห็นเหล่าเจไดฝึกหัดทำพลาดมานักต่อนัก พวกนั้นไม่เข้าใจว่ามันละเอียดอ่อนแค่ไหน ไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะใช้มันได้ราวกับว่ามันเป็นแค่สายลมบางเบา ใช้มันให้เหมือนขนนก ไม่ใช่ท่อนไม้ ดังที่โซเอรา อันทานา ครูสอนการประดาบที่ดีที่สุดกล่าวเอาไว้
มัดของหลุดไปแล้วสามมัด ข้าวของเศษอะไหล่กระจัดกระจายไปทั่ว และพวกมานิคอนก็แผดเสียงคำรามด้วยความโกรธ พวกมันกระโดดข้ามเศษอะไหล่และโถมเข้ามาหาอนาคินและทรู
ฟิ้ววววววววววววววววววววววว!
อนาคินไม่เคยได้ยินเสียงพวกมานิคอนพ่นพิษมาก่อน แต่เขาก็ไม่ต้องรอให้ใครมาสอนหรอก
โว้ว เป็นแผนที่ดีจริง ๆ อนาคิน ทรูกล่าวชม
อนาคินกระโดดไปด้านขวาพร้อม ๆ กับที่มานิคอนตัวหนึ่งกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันยืนสองเท้าย่างสามขุมเข้ามา ทรูถลันไปข้างหน้าพร้อมกับกวัดแกว่งดาบอย่างเร็วเพื่อที่จะดันให้มานิคอนตัวนั้นถอยไป
เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว ทรูพูดขึ้น
เวลาอะไร?
เวลาที่จะใช้แผนใหม่ไง หนี!
เป็นความคิดที่ดีนี่ อนาคินออกวิ่งตามทรูไป
ทั้งคู่กระโดดขึ้นพร้อม ๆ กัน ใช้พลังส่งตัวพวกเขาให้ขึ้นไปถึงยอดกองเศษเหล็กได้ในการกระโดดครั้งเดียว ชิ้นส่วนเศษเหล็กร่วงกราวลงมาข้างล่างแต่ทั้งสองก็ยังยืนทรงตัวอยู่ได้
ทางด้านล่าง มานิคอนยังคงคำรามและหาทางที่จะตามขึ้นมาบนกองเหล็กด้วยความโกรธ แต่พวกมันตัวหนักและเงอะงะกว่าเจไดทั้งสอง จนทำให้กองเหล็กสะเทือนไหวอย่างแรงและเริ่มยุบตัวลงมา
อนาคินมองหน้าทรู
เอาไงดีล่ะทีนี้?
โดดไม๊? ทรูเสนอ
ของมันแน่ แต่โดดไปที่ไหนล่ะ? รอบ ๆ ตัวพวกเขามีแต่กองเศษเหล็ก ไม่มีกองไหนที่ดูมั่นคงเลย พวกเขาไม่มีทางจะรู้ได้ว่าจะกระโดดลงไปยืนได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
มานิคอนตัวมหึมาปีนขึ้นมาได้ครึ่งทางแล้วตอนที่มันทำชิ้นส่วนหม้อแปลงตกลงไปข้างล่าง กองเศษเหล็กทั้งกองที่อนาคินยืนอยู่เริ่มจะพังครืนลงมา
ที่ไหนก็ได้! ทรูตะโกนและกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ
อนาคินกระโดดตาม ขณะที่อยู่กลางอากาศเขามีเวลานิดเดียวที่จะตัดสินใจว่าจะโดดลงไปตรงไหน ถ้าเขาไม่ได้เข้ารับการฝึกเจไดมาก่อนคงมีโอกาสสูงทีเดียวที่เขาจะตกลงไปเจอเหล็กแหลมหรือโลหะคม ๆ แต่นี่เขาสามารถคำนวนและกำหนดจุดหมายได้แม้จะกำลังตกจากที่สูง ทุกอย่างเบื้องล่างดูกระจ่าง เขารู้สึกว่าเขาสามารถเห็นกรวดทุกเม็ด เศษเหล็กทุกชิ้น เศษดินทุกอณู พลังสามารถทำให้เขาเห็นอะไรได้ชัดเจนถึงขนาดนั้น
เขามีชีวิตอยู่เพื่อเวลาแบบนี้แหละ เขาสูดอากาศสดชื่นยามราตรีเข้าไปเต็มปอด อันตรายอยู่ใกล้แค่เอื้อม พลังรายล้อมอยู่รอบตัวเขา ถ้าเพียงแต่เขาสามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศอย่างนี้ได้ตลอดไป ก็คงจะดี
เขาลงมายืนอย่างนิ่มนวลและแม่นยำขอบกองเหล็กกองหนึ่งก่อนที่จะกระโดดต่อลงไปจนถึงพื้นดิน ทรูก็กระโดดลงมายืนข้าง ๆ เขาอย่างปลอดภัยเช่นกัน
ฟิ้ววววววววววววววว!
อนาคินกระโดดดึงตัวทรูไปทางด้านข้าง พิษที่พ่นมาพลาดไปแค่นิดเดียว
ทั้งคู่หันไปมองข้างหลัง มานิคอนที่กำลังโกรธจัดสามตัวพยายามไถลตัวลงมาจากกองเหล็กมุ่งมาหาพวกเขา เศษอะไหล่หลุดร่วงและไหลตามพวกมันลงมาด้วย
ได้เวลาเผ่นแล้วล่ะ ทรูพูดกระหืดกระหอบ
ทั้งสองวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งกองเศษเหล็กที่พังลงมากลายเป็นฝุ่นคลุ้งเต็มไปหมดไว้เบื้องหลัง พวกมานิคอนกรีดร้องอย่างน่ากลัว แม้จะสำลักฝุ่นอนาคินกับทรูยังคงวิ่งต่อไป พวกเขาวิ่งไม่หยุดจนกระทั่งมาถึงทางเดินที่พอจะปลอดภัย
ในที่สุดพวกเขาก็ได้หยุดพักหายใจ เกือบไปแล้วไหมล่ะ
ทั้งคู่ออกเดินต่อโดยมุ่งไปตามทางลาดที่จะพาพวกเขาขึ้นไปสู่พื้นผิวดาวคอรัสซังค์
ก็ได้ ถ้าเจ้าว่าอย่างนั้นล่ะก็ ทรูพูดขึ้น
อนาคินมองหน้าทรูด้วยความสับสน ถ้าข้าว่าอะไรนะ?
ที่ว่าตัวจ่ายพลังงานของหุ่นยนต์ของเจ้าเสียไง ทรูอธิบาย ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?
วงจรสวิทช์เปิดเครื่องมันขาดตลอดเลย นี่เป็นตัวจ่ายอันที่สองแล้วนะ อันแรกมันระเบิดไปตอนที่ต่อมันเข้ากับหุ่น ข้าใช้เวลาตั้งสองอาทิตย์ที่จะซ่อมมัน
งั้นปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่ตัวจ่ายก็ได้ ทรูพูด เจ้าตรวจวงจรเสริมการรับรู้ของหุ่นหรือยัง
อนาคินส่ายหน้า ตรงนั้นไม่ได้เสียนี่นา
ก็ใช่ แต่บางทีมันอาจจะไปเชื่อมกับวงจรสวิทช์เปิดเครื่องแล้วทำให้ตัวจ่ายพลังงานทำงานเกิดขีดกำหนดได้ไง มีอะไรแปลก ๆ กับเครื่องแปลงภาษาของหุ่นตอนที่ตัวจ่ายอันแรกระเบิดหรือเปล่า?
มีสิ อนาคินตอบ แปลกมากเลย ตอนนั้นหุ่นของข้าพูดออกมาเป็นภาษาเคอห์สิคเลยล่ะ
นั่นแหละจุดที่เสีย ทรูกล่าว ชุดวงจรการรับรู้มันลัดวงจรแล้วล่ะ ถ้าเป็นวงจรในหุ่นล่ามมันจะไปกระตุ้นเครื่องแปลงภาษาให้ทำงาน จริง ๆ มันเป็นปัญหาที่ซ่อมไม่ยากหรอก ง่ายกว่าการเปลี่ยนตัวจ่ายเยอะ
อนาคินเหลือบไปมองร่างสูงผอมกระหร่องของทรู ทรูไม่เคยทำให้เขาประทับใจมาก่อนเลย บางครั้งอนาคินเคยนึกสงสัยว่าทรูจะเข้าถึงพลังดีพอที่จะเป็นเจไดได้จริงหรือ แต่เมื่อไม่นานมานี้ทรูก็ได้รับเลือกให้เป็นพาดาวันของไรกอล อัศวินเจไดที่เงียบขรึมแต่น่าเกรงขาม อนาคินเคยนึกสงสัยเรื่องนั้นเหมือนกัน
ข้าไม่ยักกะรู้ว่าเจ้ารู้เรื่องหุ่นยนต์มากเหมือนกัน อนาคินกล่าว
ข้าไม่รู้หรอก ข้าแค่จับเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ทรูตอบ ข้าชอบอ่านพวกคู่มือต่าง ๆ เวลาที่ว่างน่ะ หุ่นยนต์ ยานพาหนะ แผงวงจร ข้าอ่านหมดแหละ
อนาคินโยนอะไหล่ตัวจ่ายพลังงานไปให้ทรู เอาไปเถอะ ท่าทางข้าจะไม่ต้องใช้มันแล้วล่ะ
ทรูยัดมันเข้าไปในกระเป๋าในเสื้อของเขา ขอบใจ
ถ้าเจ้าพูดถูกหรอกนะ อนาคินเสริม
ถ้าข้าพูดผิด เจ้าค่อยมาเอาอะไหล่คืนก็ได้
ทันใดนั้นอนาคินก็เริ่มจะเข้าใจว่าทำไมไรกอลถึงได้เลือกทรู ทรูมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในตนเอง นอกจากนั้นเขายังมีความสุขุมเยือกเย็น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะพบได้บ่อยนักในเหล่าเจไดฝึกหัดหรือแม้แต่ในเหล่าเจไดเอง อนาคินเองรู้ตัวว่าเขาเองยังมีความรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจอยู่บ่อย ๆ เขาซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นไว้ แต่ดูเหมือนทรูจะมีไม่อะไรปกปิดอยู่ภายในใจของเขาเลย เขาเป็นแค่ทรูเท่านั้น
ถ้าเจ้าวิเคราะห์เสร็จแล้วก็สรุปให้ข้าฟังด้วยแล้วกัน ทรูพูดขึ้น
วิเคราะห์หุ่นน่ะเหรอ? อนาคินถาม
เปล่า วิเคราะห์ตัวข้า ทรูตอบ เจ้ากำลังวิเคราะห์ข้าอยู่ไม่ใช่หรือไง?
อนาคินยิ้ม เขาไม่พยายาที่จะปฏิเสธ ข้ายังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย
ทรูหยิบเอาถุงลูกอมฟิกดาออกมาจากกระเป๋าและโยนมาให้อนาคินเม็ดหนึ่ง น่าเสียดายที่ไม่มีคู่มือที่จะทำให้เข้าใจสิ่งมีชีวิตนะ นี่ ข้าก็ไม่ได้เก่งกาจเรื่องเครื่องยนต์กลไกอะไรนักหนาหรอก แต่ถ้าเจ้าต้องการข้าก็จะช่วยเจ้าซ่อมหุ่น เอาไหมล่ะ
อนาคินไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกประหลาดใจกับข้อเสนอนั้น แต่แล้วเขาก็เข้าใจ
มีไม่กี่ครั้งนักหรอกที่จะมีใครเสนอให้ความช่วยเหลือกับเขา
คนส่วนมากจะเหมาเอาว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครเลย
เอาสิ อนาคินตอบ เพียงแค่พูดคำนั้นออกไปก็เหมือนกับเป็นการเปิดประตูออก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาลืมมันไปเสียสนิท เมื่อก่อนเขาเคยรู้วิธีผูกมิตรกับคนอื่น เมื่อก่อนเขามีเพื่อนใหม่ ๆ ได้อย่างง่ายดาย มันกลายเป็นทักษะที่เขาทำหายไปนานแล้ว
สัญญาณคอมลิงค์เครื่องสื่อสารของเขาดังขึ้นทำให้เขาส่งเสียงครางอย่างขัดใจ เขารู้ดีว่าใครจะเรียกมาในเวลาเช่นนี้
เจ้าอยู่ที่ไหน? โอบี-วันถาม
อนาคินเหลียวไปมองรอบตัว เขายังอยู่ห่างจากวิหารเจไดอีกหลายชั้น อย่างน้อย ๆ ก็สองสามร้อยชั้นนั่นแหละ ถ้าเขาบอกอาจารย์ไปตามตรงโอบี-วันก็จะต้องรู้ว่าเขาไปทำอะไรมาแน่ ๆ
ทันใดนั้นทรูก็ก้าวเข้ามาอยู่ในรัศมีสัญญาณ อาจารย์เคโนบี นี่ทรู เวลด์เองนะครับ อนาคินอยู่กับข้า ข้าขอให้เขาช่วย...เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ตอนนี้เรากำลังจะกลับไปที่วิหารเจไดแล้วครับ
งั้นเหรอ เสียงโอบี-วันฟังดูเหมือนจะประหลาดใจ มาพบข้าด้วย อนาคิน ทันทีที่เจ้ากลับมาถึงที่นี่
อนาคินปิดเครื่องสื่อสาร ขอบใจนะ เขากล่าวกับทรู โอบี-วันคงไม่ค่อยชอบใจถ้าเขารู้ว่าข้าไปไหนมา
ไรกอลก็คงไม่ค่อยพอใจเหมือนกันแหละ ทรูพูด
ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้เก่งเรื่องซ่อมหุ่นยนต์เท่าไหร่ แล้วเจ้าไปที่นั่นทำไมล่ะ อนาคินถาม
ข้ากำลังช่วย อาลี อลัน ทรูตอบ ตอนนี้เขาใช้หุ่นยนต์ช่วยทำงานในชั้นเด็กเล็กอยู่ ตัวจ่ายพลังงานของหุ่นตัวนั้นมันเสีย แล้วตอนนี้อะไหล่ของแผนกซ่อมบำรุงก็หมด ข้าก็เลยคิดว่าข้าจะทำให้เขาประหลาดใจเสียหน่อย
อนาคินรู้สึกละอายใจ เขาต่อสู้แย่งชิงอะไหล่เพื่อตัวเขาเองในขณะที่ทรูกำลังทำความดีเพื่อคนอื่น เขาถอนใจ เวลาเช่นนี้แหละทำให้เขาสงสัยตัวเองว่าเขาจะได้เป็นเจไดจริง ๆ หรือ เจไดฝึกหัดอย่างทรูรู้จักการเสียสละอุทิศตน มันเป็นคุณสมบัติที่เขาเกรงว่าเขามีน้อยเสียเหลือเกิน
แล้วพวกเขาก็รีบกลับไปยังวิหารเจได เมื่อทั้งสองไปถึงนั้นทั้งวิหารตกอยู่ในความมืดและเงียบสนิท ทั้งคู่มุ่งตรงไปที่ลิฟท์
โอบี-วันเดินเลี้ยวมาจากมุมตึก เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยเปื้อนบนเสื้อผ้าและใบหน้ากระดำกระด่างของอนาคิน
ไปไหนมา? เขาถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ทรูกับอนาคินมองหน้ากัน แล้วก็พูดออกมาพร้อม ๆ กัน
คือว่า อาลี อลัน ทรูเริ่ม
แผนกซ่อมบำรุงขาดแคลนอะไหล่ อนาคินเริ่มพูดบ้าง
โอบี-วันยกมือขึ้นโบก เอาล่ะ ๆ ข้าไม่อยากรู้แล้ว ราตรีสวัสดิ์ ทรู
ทรูคำนับด้วยความเคารพนบนอบก่อนที่จะรีบเดินหนีไปทางห้องพักของเขา โอบี-วันหันกลับพูดกับอนาคิน
อนาคิน การอยู่ดึก ๆ เช่นนี้จะไม่เป็นผลดีแก่เจ้าเลยนะหากเจ้าจะต้องออกไปปฏิบัติภารกิจแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น
แต่พรุ่งนี้ข้าไม่มีภารกิจอะไรนี่ อนาคินพูด
เจ้าแน่ใจหรือ พาดาวันน้อย? เจ้าสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตใจของสภาเจไดได้หรืออย่างไร?
สภาเจไดต้องการพบเรา อนาคินเดา ความตื่นเต้นก่อตัวขึ้นในใจเขา ท่านหมายความว่าเรามีภารกิจต้องทำแล้ว?
อีกไม่นานเราก็จะรู้ โอบีวันพูดนิ่ง ๆ สภาเจไดขอให้เราไปพบก่อนรุ่งสางของวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นไปนอนซะ ถ้าพรุ่งนี้ข้าเห็นเจ้าหาวแม้แต่ครั้งเดียวข้าจะไม่ให้เจ้าออกไปนอกเขตวิหารเจไดอีกเลย